ทำไมองค์กรต้องคำนวณและรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)?
ในยุคที่หลายองค์กรให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ทั้งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ทำให้การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกค้า นักลงทุน และคู่ค้าให้ความสนใจมากขึ้น
หากจะพูดถึงการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เมื่อก่อนเราอาจจะนึกถึงเพียงแค่ การปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วนและถูกต้อง บางองค์กรมีการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การเก็บขยะชายฝั่งทะเล การปลูกป่า เป็นต้น แต่ในปัจจุบันที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อสังคม สิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้โลกของธุรกิจต่างถามหาว่า องค์กรมีการปล่อยคาร์บอนเท่าไหร หรือสินค้าที่ถูกผลิตออกมานั้นมีค่า Carbon Footprint เท่าไหร หลายองค์กรจึงเริ่มทำการวัด คำนวณและรายงาน Carbon Footprint ของตนเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองต่อกระแสความยั่งยืนและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงเตรียมพร้อมในการดำเนินงานตามกฎระเบียบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ประเภทของการจัดทำ Carbon Footprint
โดยปกติแล้วในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ มีนโยบายด้านความยั่งยืนและต้องการตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรเพื่อไปสู่ Carbon Neutral และ Net Zero จะจัดทำการประเมิน Carbon Footprint ใน 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint of Organization) เป็นการคำนวณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การจัดการของเสีย และการขนส่ง
- คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products) เป็นการคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ยังมีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับบุคคลและอีเว้นท์ โดยสามารถขอรับรองการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ซึ่งปัจจุบันการขอรับรองนั้นเป็นการดำเนินงานโดยสมัครใจขององค์กร
ที่มา: องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน), https://thaicarbonlabel.tgo.or.th/
ความสำคัญของการจัดทำ Carbon Footprint
มาดูกันว่าทำไมองค์กรจะต้องมีการจัดทำและรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนด
- เตรียมพร้อมสำหรับการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในภาคบังคับตาม ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ร่างพรบ.โลกร้อน ที่จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต
- บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีการจัดทำรายงานประจำปี รายงานความยั่งยืน อาจมีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรเพื่อแสดงความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรในด้านสิ่งแวดล้อม
- ตอบสนองต่อมาตรการทางการค้า เช่น CBAM ของสหภาพยุโรป ที่กำหนดให้ผู้ผลิตสินค้าที่ส่งสินค้าภายใต้ข้อกำหนด (เหล็กและเหล็กกล้า อลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า ไฮโดรเจน) ต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า
- การเข้าถึงตลาดและสร้างความได้เปรียบ
- บริษัทหลายแห่ง โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปได้ร้องขอให้คู่ค้าเปิดเผยปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์และมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กร
- การรับรองความยั่งยืนและการรับรอง Carbon Footprint สามารถทำให้บริษัทมีความน่าดึงดูดใจในตลาดต่างประเทศ
- เข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวและผลประโยชน์ทางด้านการเงินต่างๆ จากการดำเนินงานที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- การประหยัดต้นทุน
- ช่วยให้บริษัทสามารถระบุแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีนัยสำคัญและวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและทรัพยากร
สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดทำ Carbon Footprint ได้เพิ่มเติมที่: https://ghgprotocol.org/ และ https://thaicarbonlabel.tgo.or.th/